ประวัติและเรื่องราวของ “ท้าวสักกเทวราช” (ท้าวอมรินทร์เทวาธิราช, พระอินทร์) 4

• ขันติธรรม

ในสงครามคราวหนึ่งฝ่ายเทวดาชนะอสูร 
ท้าวเวปจิตติอสุรินทร์ ถูกจับได้
และถูกพันธนาการมายังสุธัมมสภา ขณะที่เข้าและออกจากสภา 
ก็ได้บริภาษด่าพระอินทร์ด้วยถ้อยคำหยาบช้าต่างๆ 
แต่พระอินทร์ก็ไม่ได้โกรธแม้แต่น้อย

พระมาตลีเทพสารถีจึงทูลถามพระอินทร์ว่า 
“ทรงอดกลั้นได้เพราะกลัว หรือว่าเพราะอ่อนแอ”

พระอินทร์ตรัสว่า 
“เราทนได้ไม่ใช่เพราะกลัว ไม่ใช่เพราะอ่อนแอ 
แต่วิญญูชนเช่นเราจะตอบโต้กับพาลได้อย่างไร”

พระมาตลีแย้งว่า 
“พาลจะกำเริบถ้าไม่กำหราบเสีย 
เพราะฉะนั้นผู้มีปัญญาพึงกำหราบเสียด้วยอาชญาอย่างแรง”

พระอินทร์ 
“เมื่อรู้ว่าเขาโกรธแล้วมีสติสงบลงได้ นี่แหละเป็นวิธีกำหราบพาล”

พระมาตลีก็ยังแย้งว่า 
“ความอดกลั้นดังนั้นมีโทษ พาลจะเข้าใจว่าผู้นี้อดกลั้นเพราะกลัว 
ก็จะยิ่งข่ม เหมือนโคยิ่งหนีก็ยิ่งไล่”

พระอินทร์ 
“พาลจะคิดอย่างไรก็ตาม ประโยชน์ของตนสำคัญยิ่ง 
และไม่มีอะไรจะยิ่งไปกว่าขันติ ผู้ที่มีกำลังอดกลั้นต่อผู้ที่อ่อนแอ 
เรียกว่าขันติอย่างยิ่ง เพราะผู้ที่อ่อนแอต้องอดทนอยู่เองเสมอไป 
ผู้ที่มีกำลังและใช้กำลังอย่างพาล ไม่เรียกว่า มีกำลัง 
ส่วนผู้ที่มีกำลังและมีธรรมะคุ้มครองย่อมไม่โกรธตอบ

ผู้โกรธตอบผู้โกรธ หยาบมากกว่าผู้โกรธทีแรก 
ส่วนผู้ที่ไม่โกรธตอบผู้โกรธ ชื่อว่าชนะสงครามที่ชนะได้ยาก 
ผู้ที่รู้ว่าเขาโกรธ แต่มีสติสงบได้ 
ชื่อว่าประพฤติประโยชน์ทั้งแก่ตนและผู้อื่น 
แต่ผู้ที่ไม่ฉลาดไม่รู้ธรรมก็ย่อมจะเห็นผู้ที่รักษาประโยชน์ตน
และผู้อื่นทั้งสองฝ่ายดังกล่าว ว่าเป็นคนโง่เสีย”

                                             3 <<    อ่านต่อ   >> 5