• บุญเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย
สหายทั้ง ๓๓ คน นอกจากจะได้พ้นโทษออกมา
ยังได้รับพระราชทานกำลังสนับสนุน ก็ยิ่งเห็นอานิสงส์ของบุญ
มีใจผ่องใสคิดทำบุญให้ยิ่งๆ ขึ้นไปอีก
ได้สร้างศาลาเป็นที่พักของมหาชน เป็นถาวรวัตถุที่หนทางใหญ่สี่แพร่ง
ศาลานั้นได้แบ่งออกเป็น ๓ ส่วน คือ ส่วนหนึ่งเป็นที่อยู่ที่พักสำหรับคนทั่วไป
ส่วนหนึ่งสำหรับคนเข็ญใจ ส่วนหนึ่งสำหรับคนป่วย
ทั้ง ๓๓ คนได้ปูลาดแผ่นอาสนะไว้ทั้ง ๓๓ ที่ โดยตกลงกันไว้ว่า
ถ้าอาคันตุกะเข้าไปพักบนแผ่นอาสนะของผู้ใด
ก็ให้เป็นภาระของผู้นั้นจะรับรองเลี้ยงดู
มฆมาณพยังได้ปลูกต้นทองหลาง (โกวิฬาระ) ไว้ต้นหนึ่ง
ในที่ไม่ไกลจากศาลา ภายใต้ต้นทองหลางได้วางแผ่นหินไว้ด้วย
มฆมาณพและสหายบำเพ็ญสาธารณกุศลเช่นนี้ตลอดชีวิต
เรียกว่า บำเพ็ญวัตตบท ๗ ประการ
ครั้นสิ้นอายุได้บังเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
เรียกว่า บำเพ็ญวัตตบท ๗ ประการ
ครั้นสิ้นอายุได้บังเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
• วัตตบท ๗ ประการ
วัตตบท ๗ ประการ ได้แก่
๑) เลี้ยงมารดาบิดาตลอดชีวิต
๒) ประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ในตระกูลตลอดชีวิต
๓) มีวาจานุ่มนวลสุภาพตลอดชีวิต
๔) มีวาจาไม่ส่อเสียดตลอดชีวิต
๕) มีใจปราศจากความตระหนี่ ยินดีในการแจกทาน ครองเรือนตลอดชีวิต
๖) มีวาจาสัตย์จริงตลอดชีวิต
๗) ไม่โกรธ แม้ว่าถ้าโกรธก็ระงับได้ทันทีตลอดชีวิต
• พระอินทร์ทรงมีหลายชื่อ
ชื่อที่เรียกพระอินทร์มีหลายชื่อ
แต่ละชื่อบอกถึงคุณสมบัติหรือกุศลที่ทรงได้ทำมาในอดีต
ท้าวมฆวาน
- เมื่อสมัยเป็นมนุษย์ชื่อว่า มฆะ
ท้าวปุรินททะ
- เมื่อสมัยเป็นมนุษย์ได้ให้ทานในเมือง
ท้าวสักกะ หรือ ท้าวสักกเทวราช
- เมื่อสมัยเป็นมนุษย์ได้ให้ทานโดยความเคารพ
ท้าววาสะ หรือ วาสพ
- เมื่อสมัยเป็นมนุษย์ได้ให้ที่พัก
ท้าวสหัสสักขะ หรือ สหัสสเนตร หรือ ท้าวพันตา
- ทรงคิดรู้ความทั้งพันชั่วเวลาครู่เดียว
ท้าวสุชัมบดี
- ทรงมีชายาชื่อว่า สุชา
ท้าวเทวานมินทะ หรือ พระอินทร์