ประวัติและเรื่องราวของ “ท้าวสักกเทวราช” (ท้าวอมรินทร์เทวาธิราช, พระอินทร์) 5

• ความไม่โกรธ

ครั้งหนึ่งพระอินทร์เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าแล้วทูลถามว่า
“ฆ่าอะไรได้อยู่เป็นสุข ฆ่าอะไรได้ไม่โศก”

พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า “ฆ่าความโกรธ”

ในครั้งหนึ่งได้มียักษ์ตนหนึ่งผิวพรรณเศร้าหมอง รูปร่างน่าเกลียด
ขึ้นไปนั่งบนอาสนะของพระอินทร์ พวกเทพชั้นดาวดึงส์พากันโพนทนาติเตียน
แต่ยิ่งโพนทนาติเตียน ยักษ์นั้นก็ยิ่งงามยิ่งผ่องใส
จนพวกเทพพากันประหลาดใจว่าน่าจะเป็นยักษ์กินโกรธ

พระอินทร์ทรงทราบความนั้นแล้วได้เสด็จเข้าไป
ทำผ้าเฉวียงพระอังสะข้างซ้าย คุกเข่าขวาลง และประคองอัญชลีเหนือพระเศียร
ประกาศพระนามของพระองค์ขึ้น ๓ ครั้งว่า พระองค์คือท้าวสักกะจอมเทพ
ยักษ์นั้นกลับมีผิวพรรณเศร้าหมอง รูปร่างน่าเกลียดยิ่งขึ้นจนหายไปในที่นั้น
พระองค์ขึ้นประทับบนอาสนะของพระองค์แล้วตรัสอบรมพวกเทพ
และตรัสว่า พระองค์ไม่ทรงโกรธมาช้านาน ความโกรธไม่ตั้งติดในพระองค์
แม้จะโกรธชั่ววูบเดียวก็ไม่กล่าวผรุสวาจา ทรงข่มตนได้

คราวหนึ่งพระองค์ทรงอบรมเทพทั้งหลายว่า
ให้มีอำนาจเหนือความโกรธ อย่าจืดจางในมิตร
อย่าตำหนิผู้ไม่ควรตำหนิ อย่ากล่าวส่อเสียด
อย่าให้ความโกรธเข้าครอบงำ อย่าโกรธตอบผู้โกรธ
ความไม่โกรธและความไม่เบียดเบียนมีอยู่ในพระอริยะทั้งหลายทุกเมื่อ
ความโกรธทับบดคนบาปเหมือนภูเขา

จะเห็นได้ว่าคุณธรรมที่พระอินทร์ทรงประพฤติปฏิบัติ
ทั้งขณะที่เป็นมนุษย์และเทวดา เป็นสิ่งที่เราสามารถกระทำตามได้
เป็นตัวอย่างที่ดีของการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์
โดยหวังผลคือความสุขของส่วนรวม

แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าคุณธรรมต่างๆ เหล่านี้
นับวันจะเลือนหายไปในสังคมไทยของเรา
เพราะคิดแต่จะเจริญรอยตามวัฒนธรรมฝรั่ง
โดยหารู้ไม่ว่าได้เพาะเมล็ดพันธ์แห่งความเห็นแก่ตัว ความไร้คุณธรรม
ลงไปในความอยากมีอยากเป็นตามกระแสของสังคมศิวิไลซ์ที่เน้นวัตถุนิยม

ฉะนั้น หากเราช่วยกันนำคุณธรรมที่ดีงามต่างๆ เหล่านี้
ซึ่งบรรพบุรุษของเราเคยทำมาแล้ว ให้กลับคืนมา
สังคมอันดีงาม เต็มเปี่ยมไปด้วยธรรม ก็ย่อมเกิดขึ้นแน่นอน

อารามโรปา วนโรปา
เย ชนา เสตุการกา
ปปญฺจ อุทปานญฺจ
เย ททนฺติ อุปสฺสยํ
เตสํ ทิวา จ รตฺโต จ
สทา ปุญฺญํ ปวฑฺฒติ.

ชนเหล่าใด สร้างสวน ปลูกป่า ให้โรงประปา บ่อน้ำ และที่พักอาศัย
บุญของชนเหล่านั้น ย่อมเพิ่มพูนทุกเมื่อ ทั้งคืนทั้งวัน




 ขอขอบพระคุณที่มาของบทความ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=45527




เพิ่มเติมอ่านต่อ

           


เรื่องท้าวสักกะ